กระเบื้องปูพื้น ในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น กระเบื้องเซรามิค กระเบื้องโมเสค แกรนิตโต้ กระเบื้องยาง พื้นไม้ปาเก้ พื้นลามิเนต หรืออื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่นิยมใช้กับงานปูพื้นบ้านและอาคารทั้งนั้น และมีลวดลาย texture ข้อดี ข้อเสีย และราคาที่แตกต่างกันไป ซึ่งแต่ละประเภทก็มีความสวยงาม มีความทันสมัย ในแบบของตัวเอง ขึ้นอยู่กับดีไซน์การใช้งานการตกแต่งของเจ้าของบ้านเจ้าของอาคาร วันนี้ แอดมิน จะพาเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ มาดูว่าแต่ละแบบมีจุดเด่นอะไรกันบ้าง เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสำหรับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคนที่กำลังหาวัสดุปูพื้นใหม่
กระเบื้องปูพื้น แต่ละแบบที่กำลังเป็นที่นิยม
1. กระเบื้องยาง หรือ กระเบื้องไวนิล
เป็นกระเบื้องที่มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับใช้การตกแต่งภายใน ปูพื้น ปูผนังได้ เป็นกระเบื้องที่ผลิตมาจากโพลิเมอร์หรือยาง กระเบื้องยาง มีราคาถูก เป็นกระเบื้องที่ทนความชื้นได้ดี ไม่แตกหัก เพราะพื้นทำมาจากยาง มีความนุ่ม ดูแลรักษาง่าย กันน้ำ มีความสวยงาม มีความเรียบแต่หรูหรา มาพร้อมกับอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 10 – 15 ปี
ข้อดีของกระเบื้องยาง
- มีความทนทาน กันน้ำ และป้องกันปลวก
- ทนความชื้น ทนน้ำ ป้องกันการลื่น
- รองรับน้ำหนักได้ดี
- ติดตั้งง่าย สามารถปูทับพื้นเดิม
- ซ่อมแซมเองได้
ข้อเสียกระเบื้องยาง
- ในการติดตั้งจะต้องติดตั้งกับพื้นที่เรียบ และมีความสะอาดเท่านั้น
- ไม่ได้ให้ความสัมผัสถึงไม้จริง
- ถ้าติดตั้งทับพื้นกระเบื้องเซรามิก ต้องยาแนวให้เรียบซะก่อน
2. กระเบื้องเซรามิค
เป็นกระเบื้อง ที่เราพบเห็นได้ตามตัวอาคารทั่ว ๆ ไป พื้นกระเบื้องมีความแน่นและแข็งแกร่งค่อนข้างสูง มีคุณสมบัติใกล้เคียงหิน แต่แตกหักได้ง่าย เพราะส่วนใหญ่มักจะทำออกมาเป็นแผ่นบาง กระเบื้องเซรามิกมีลวดลายบนตัวกระเบื้องเนื่องจากมีการพิมพ์ลายลงบนเนื้อ กระเบื้องเซรามิกมีการแยกประเภทสำหรับใช้ปูพื้นหรือใช้ปูผนัง เวลาไปเลือกซื้อจึงต้องระบุชนิดของกระเบื้องให้ดี ส่วนราคาของกระเบื้องเซรามิกถือว่าราคาไม่สูง มีตั้งแต่ราคา 10 กว่าบาทขึ้นไปจนถึงราคาหลักร้อย
ข้อดีของกระเบื้องเซรามิก
- สีสัน ลวดลายมีให้เลือกหลายขนาด
- ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพ
- หาซื้อได้ง่าย
ข้อเสียของกระเบื้องเซรามิก
- เวลาเปียกน้ำมักมีความลื่น
- รื้อแล้วนำมาปูใหม่ไม่ได้
- แตกหักง่าย
3.พื้นไม้ปาร์เก้
ปาร์เก้เป็นไม้ชิ้นเล็ก ๆ ที่นำมาต่อกันคล้ายกับ โมเสค การปูพื้นด้วยปาร์เก้เป็นการตกแต่งบ้านให้ดูมีบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ พื้นไม้ปาร์เก้ยังมีจุดเด่น คือ ไม่เก็บฝุ่น ทำให้ไม่เกิดการสะสมแหล่งของโรคภูมิแพ้ และพื้นปาร์เก้ยังสามารถทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย ปาร์เก้สามารถทำขึ้นได้จากไม้หลายชนิด เช่น ปาร์เก้ไม้แดง ปาร์เก้ไม้สัก ปาร์เก้ไม้เทียม เป็นต้น
ข้อดีของพื้นไม้ปาร์เก้
- ลวดลายสวยงาม
- ไม่กักเก็บฝุ่น
- ติดตั้งง่าย
ข้อเสียของพื้นไม้ปาร์เก้
- ไม่ทนความชื้น
- ปลวกสามารถกัดกินไม้ได้ง่าย
- เป็นรอยง่าย
4. พื้นไม้ลามิเนต
พื้นลามิเนต เป็นพื้นที่ไม่ไม้จริง ๆ แต่เป็นเอาไม้แท้ ๆ มาผ่านกระบวนการต่าง ๆ ที่ให้ได้พื้นไม้ลามิเนตออกมา โดยใช้ผงไม้มาอัดจนเป็นแผ่น ซึ่งเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พื้นลามิเนต1 แผ่นจะประกอบไปด้วยชั้นต่าง ๆ ถึง 4 ชั้น ซึ่งชั้นที่หนาที่สุดจะเป็นชั้นตรงกลาง เพราะชั้นนี้จะนำเนื้อไม้มาย่อยให้เป็นผง และนำไปผสมกับสารเคมีอื่น ๆ จึงทำให้ออกมาเป็นแผ่น
ข้อดีของพื้นไม้ลามิเนต
- ติดตั้งได้เร็ว น้ำหนักเบา และทนทาน
- ให้ความรู้สึกถึงไม้จริง ๆ เวลาที่เราสัมผัส
- สวย ลายไม้มีความเหมือนจริง
- ปูทับพื้นเดิมได้
ข้อเสียของพื้นไม้ลามิเนต
- ต้องระวังเรื่องความชื้น เพราะไม้มิเนตไม่ทนความชื้น
- ซ่อมแซมเองไม่ได้ ต้องเป็ช่างเท่านั้น
- ระวัง ปลวก มอด เพราะมันชอบพื้นแบบนี้